วันพุธที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2557

อาชีพด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ

นักคอมพิวเตอร์กับอาชีพทางเทคโนโลยีสารสนเทศ
         ใครที่ถูกเรียกว่า นักคอมพิวเตอร์ 
                ในสาขาวิชาอื่น ๆ หลายสาขา เช่น หมอ หรือวิศวกร จะต้องมีใบอนุญาต จึงจะสามารถ
ประกอบอาชีพด้านนั้น ๆ ได้ แต่ในด้านคอมพิวเตอร์นั้น ไม่มีการรับรองจากสมาคมใด อย่างเป็น
ทางการ จากองค์กรภายนอก หากนักคอมพิวเตอร์ทำผิดจริยธรรมด้านคอมพิวเตอร์ จะไม่มีใครมา
ยึดใบอนุญาตการเป็น นักคอมพิวเตอร์คืน แน่นอน .. ซึ่งหมายความว่า ใครก็เป็นนักคอมพิวเตอร์ได้ 
เหตุที่เป็นเช่นนี้ เพราะความรู้ในด้านของคอมพิวเตอร์นั้น หลายหลายมาก และไม่มีความชัดเจน 
ประกอบกับลักษณะงาน มักไม่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมส่วนรวม เช่น หมอ หากรักษาผิด 
อาจทำให้คนไข้ถึงตายได้ และวิศวกร หากสร้างอาคารไม่ถูกหลักการ อาจทำให้อาคารล้ม ผู้คน
เสียชีวิตกันมากมายได้ เช่นกัน นอกจากนี้ การเรียนรู้ด้านของคอมพิวเตอร์ ยังไม่จำเป็นต้องเรียนรู้
จากในห้องเรียน มีหลาย ๆ คนที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนักคอมพิวเตอร์ โดยไม่จำเป็นต้อง
สำเร็จการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์ เคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งเล่าให้ผมฟังว่า รู้จักชายคนหนึ่ง จบ
การตลาด แล้วเข้าอบรมหลักสูตร VB ที่ธรรมศาสตร์เคยจัดขึ้น เดือน จากนั้น ถูกจ้างไปเป็น 
webmaster ขององค์กรแห่งหนึ่ง ต่อมาก็ได้รับการทาบทามให้เป็นที่ปรึกษา ของบริษัทแห่งหนึ่ง 
รายได้ของเขาไม่ต่ำกว่า 20,000 บาท ต่อเดือน  ทั้งที่ไม่ได้จบด้านคอมพิวเตอร์เลย  ซึ่งหมายความว่า 
นักคอมพิวเตอร์ที่ประสบความสำเร็จ อาจไม่จำเป็นต้อง สำเร็จการศึกษาด้านคอมพิวเตอร์โดยตรง 
แต่ขอให้มีใจรักและใฝ่ศึกษา เป็นสำคัญ   Larry Page และ Sergey Brin นักศึกษาปริญญาโท ไม่ต้อง
จบ Doctor แต่สามารถพัฒนา google.com จนประสบความสำเร็จระดับโลก หรือ Bill Gate ที่ใคร
ต่อใคร รู้จัก และร่ำรวยจากการเขียน Microsoft Windows มานั้น ก็ไม่ได้สำเร็จการศึกษา ด้าน
คอมพิวเตอร์ โดยตรง (เพราะออกกลางคันซะก่อน) แต่ที่เขาประสบความสำเร็จได้ เพราะมีใจรัก ไม่
ต้องคอยให้ใครมาสั่งสอน ว่าต้องตั้งใจเรียน หมั่นศึกษาหาความรู้ เขาใช้เวลาเป็นวัน ศึกษาด้วย
ตัวเอง จากความพยายามนั้น เขาก็ประสบความสำเร็จ จากการศึกษาสิ่งต่าง ๆ ในโลกคอมพิวเตอร์ 
และ นำมาประยุกต์ใช้ได้ อย่างยอดเยี่ยม หลายท่านอาจจำได้ว่า นพ.ชุษณะ มะกรสาร แห่งโรงพยาบาลราชวิถี ได้พัฒนา โปรแกรมเวิร์ดราชวิถีที่คนไทยเคยใช้กันทั้งประเทศ และมีคู่แข่งเพียง เวิร์ดจุฬา มีอาชีพหลักคือ เป็นหมอ แต่ท่านได้ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม จนสามารถเขียนโปรแกรม ที่มีคนใช้กันทั้งประเทศได้ .. นี่คือตัวอย่างของคนที่ต้องได้รับการยกย่อง ว่าสุดยอด 
              สรุปว่า นักคอมพิวเตอร์ นั้นใคร ๆ ก็เป็นได้ แต่ถ้าจะเป็นให้ดี จะต้องใช้เวลาศึกษา หาความรู้ ใจรัก และทุ่มเทอย่างมาก กว่าจะรู้เรื่องใด เรื่องหนึ่งพอจะใช้งานได้ และในโลกนี้มี Software มากมาย ที่น่าศึกษา น่าเรียนรู้ นำมาใช้ ให้เกิดประโยชน์ต่อ ตนเอง และคนรอบข้าง ท่านจำเป็นอย่างมาก ที่ต้องแข่งขันกับตัวเอง แข่งขันกับความใฝ่รู้ของตน เพื่อเรียนรู้สิ่งดี ๆ มากมาย ที่กำลังรอท่านอยู่

นักคอมพิวเตอร์
ผู้ใช้งานคอมพิวเตอร์ (User/End User)
          เป็นผู้ใช้งานระดับต่ำสุดซึ่งไม่จำเป็นต้องมีความเชี่ยวชาญมากนักก็สามารถใช้งานได้ โดย
ศึกษาจากคู่มือการปฏิบัติงานหรือคู่มือการใช้งานโปรแกรมที่นำมาใช้  หรืออาจต้องเข้ารับการ
อบรมบ้างเพื่อห้าสามารถใช้งานได้ บุคลากรกลุ่มนี้มีจำนวนมากที่สุดในหน่วยงาน และลักษณะงาน
มักเกี่ยวข้องกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ทั่วไป  เช่น  งานธุรการ  สำนักงาน   งานป้อนข้อมูล  งาน
บริการลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center)  เป็นต้น
 ช่างเทคนิคคอมพิวเตอร์ (Computer Operator/Computer Techician)
          กลุ่มคนประเภทนี้จะต้องมีทักษะและประสบการณ์ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้เป็นอย่างดี 
เพราะการปฏิบัติงานกับผู้ใช้อาจเกิดปัญหาได้ตลอดเวลาโดยเฉพาะกับผู้ใช้งานมือใหม่และมามี
ความชำนาญเพียงพอ  ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาทางด้านฮาร์ดแวร์  เช่นตัวเครื่อง
คอมพิวเตอร์เกิดขัดข้องในระหว่างการทำงานจนไม่สามารถทำงานตามที่ต้องการได้  สิ่งต่าง ๆ  
เหล่านี้มักเกิดขึ้นอยู่เสมอ  หน่วยงานบางแห่งอาจตั้งศูนย์ช่วยเหลือการใช้งานหรือเรียกว่า  Help  
Desk  ขึ้นเพื่อคอยช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ของระบบให้ทันท่วงทีและสามารถทำงานได้ตามปกติ

วันอาทิตย์ที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คอมพิวเตอร์ช่วยสอน


มพิวเตอร์ช่วยสอน
 
หมายถึง(Computer Assisted Instruction) หรือ ซีเอไอ (CAI) มีผู้สรุปความหมายไว้คล้ายคลึงกันหลายความหมาย ดังต่อไปนี้....คอมพิวเตอร์ช่วยสอนหรือโปรแกรมช่วยสอน คือสื่อที่ใช้ในการเรียนการสอนอันหนึ่ง CAI คล้ายกับสื่อการสอนอื่น ๆ เช่น วิดีโอช่วยสอน บัตรคำช่วยสอน โปสเตอร์ แต่คอมพิวเตอร์ช่วยสอนจะดีกว่าตรงที่ตัวสื่อการสอน ซึ่งก็คือคอมพิวเตอร์นั้น สามารถโต้ตอบกับนักเรียนได้ ไม่ว่าจะเป็นการรับคำสั่งเพื่อมาปฏิบัติ ตอบคำถามหรือไม่เช่นนั้นคอมพิวเตอร์ก็จะเป็นฝ่ายป้อนคำถาม ประเภทของคอมพิวเตอร์ช่วยสอน 1. บทเรียน (Tutorial) เป็นโปรแกรมที่สร้างขึ้นมาในลักษณะของบทเรียนโปรแกรม ที่เสนอเนื้อหาความรู้เป็นส่วนย่อย ๆเลียนแบบการสอนของครู 2. ฝึกทักษะและปฏิบัติ (Drill and Practice) ส่วนใหญ่ใช้เสริมการสอน ลักษณะที่นิยมกันมากคือ การจับคู่ ถูก-ผิด เลือกข้อถูกจากตัวเลือก 3. จำลองแบบ (Simulation) นิยมใช้กับบทเรียนที่ไม่สามารถทำให้เห็นจริงได้ 4. เกมทางการศึกษา (Educational Game) 5. การสาธิต (Demonstration) นิยมใช้ในวิชาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ 6. การทดสอบ (Testing) เป็นการวัดผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน 7. การไต่ถาม (Inquiry) ใช้เพื่อการค้นหาข้อเท็จจริง ความคิดรวบยอด 8. การแก้ปัญหา (Problem Solving) เน้นการให้ฝึกการคิดการตัดสินใจ 9. แบบรวมวิธีต่าง ๆ เข้าด้วย (Combination)

ตัวอย่าง

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ตัวอย่างโครงงานคอมพิวเตอร์




ชื่อโครงงาน

แบบจำลองผสมแบบแยกแยะสำหรับการแบ่งคำไทย

ชื่อผู้ทำโครงงานฆนาศัย กรึงไกร,ชุลีรัตน์ จรัสกุลชัย,Jun ichi kazama
ระดับชั้นอื่นๆ 
หมวดวิชาคอมพิวเตอร์ 
วัน/เดือน/ปี ทำโครงงานไม่ระบุ
บทคัดย่อ
การแบ่งคำเป็นงานพื้นฐานในการประมวลผลภาษาไทยด้วยคอมพิวเตอร์ ความกำกวมของขอบเขตคำและคำที่ระบบไม่รู้จัก(ไม่ปรากฏในพจนานุกรมของระบบ) เป็นสาเหตุหลักที่สำคัญทำให้การแบ่งคำยาก ในงานวิจัยนี้ เรานำเสนอแบบจำลองผสมแบบแยกแยะ ซึ่งแทน "เสิร์จเสปซ"ด้วย"แลททิส" ที่ประกอบไปด้วย "โหนด" ในระดับคำและระดับกลุ่มอักขระ และสามารถใช้ประโยชน์ของข้อมูลบนพื้นฐานของการเรียนรู้แบบ "ออนไลน์ลาร์จมาร์จิน"ที่เรียกว่า MIRA (Margin infused Relaxed Algorithm) เราได้นำเสนอการทดลองบนคลังข้อความของ Best(ชุดที่1-5) เพื่อแสดงความเป็นไปได้และประสิทธิภาพของ
วิธีที่นำเสนอ

สรุป 
การแบ่งคำไทย หรือ การแยกแยะ การแบ่งคำ มีประโยชน์ มากในยุคสมัยนี้ เพราะ หลายๆคนอาจขี้เกียจ หรือ แยกแยะ คำ เพื่อให้มนุษย์ สะดวกสบายยิ่งขึ้น

วันอาทิตย์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

ประโยชน์ของโครงงานคอมพิวเตอร์


ประโยชน์ของโครงงานคอมพิวเตอร์


1. พัฒนาผู้จัดทำโครงงาน อย่างไรบ้าง ?

1. สร้างความสำนึกและความรับผิดชอบในการศึกษาและพัฒนาระบบด้วยตนเอง
2. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้พัฒนาและแสดงความสามารถตามศักยภาพของตนเอง
3. เปิดโอกาสให้นักเรียนได้ศึกษา ค้นคว้า และเรียนรู้ในเรื่องที่นักเรียนสนใจได้ลึกซึ้งกว่าการเรียนในห้องตามปกติ
4. ส่งเสริมและพัฒนากระบวนการคิด การแก้ปัญหา การตัดสินใจ รวมทั้งการสื่อสารระหว่างกัน
5. กระตุ้นให้นักเรียนมีความสนใจในการเรียนวิชาสาขาคอมพิวเตอร์ และมีความสนใจที่จะประกอบอาชีพทางด้านนี้
6. ส่งเสริมให้นักเรียนได้ใช้เวลาอย่างเป็นประโยชน์ในทางสร้างสรรค์
7. สร้างความสัมพันธ์ระหว่างนักเรียนกับครูและชุมชน รวมทั้งส่งเสริมให้ชุมชนสนใจคอมพิว เตอร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องมากขึ้น
8. เป็นการบูรณาการเอาความรู้จากวิชาต่าง ๆ ที่ได้รับมาจัดทำผสมผสานกับโปรแกรมคอมพิวเตอร์เป็นโครงงานเพื่อนำเสนอต่อชุมชน


2. พัฒนาสังคม อย่างไร ?

เป็นการใช้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อื่น ๆ ที่มีอยู่ในการศึกษา ทดลอง แก้ปัญหาต่าง ๆ เพื่อนำผลที่ได้มาประยุกต์ใช้งานจริง หรือใช้เพื่อช่วยสร้างสื่อเพื่อเสริมการเรียนให้ได้ดีมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โครงงานคอมพิวเตอร์จึงเป็นกิจกรรมทางวิทยาศาสตร์ที่ช่วยให้ได้เรียน รู้และฝึกฝนการใช้ทักษะการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์และซอฟต์แวร์ พร้อมทั้งเครื่องมือต่าง ๆ ในการแก้ปัญหา รวมทั้งการพัฒนาการสร้างผลงานจริงอีกด้วย

3. พัฒนาประเทศชาติ อย่างไร ?

ส่งผลให้ประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า มีการคิดอย่างเป็นระบบ เกิดการพัฒนาสังคม เศรษฐกิจ ทำให้เกิดความสะดวกสบาย การรับรู้ข่าวสารต่างๆได้อย่างรวดเร็ว

โครงงานคอมพิวเตอร์


โครงงานคอมพิวเตอร์

โครงงานคอมพิวเตอร์ หมายถึง กิจกรรมการเรียนที่นักเรียนมีอิสระในการเลือกการศึกษาปัญหาที่ตนสนใจโดยจะต้องวางแผนการดำเนินงาน ศึกษา พัฒนาโปรแกรม โดยใช้ความรู้ทางกระบวนการวิศวกรรมซอฟต์แวร์ เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เกี้่ยวข้องตลอดจนทักษะพื้นฐานในการพัฒนา

ประเภทของโครงงาน แบ่งได้เป็น 5 ประเภท
1.โครงงานพัฒนาสื่อเพื่อการศึกษา เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการผลิตสื่อเพื่อการสึกษา เช่น โครงงานเกี่ยวกับการพัฒนาเ้ว็บไำซต์
2.โครงงานพัฒนาเครื่องมือ เป็นโครงงานที่สร้างเครื่องมือ ใช้สร้างผลงาน ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของซอฟต์แวร์ เช่น ซอฟต์แวร์วาดรูป
3.โครงงานประเภทการทดลองทฤษฎี เป็นโครงงานที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการจำลองของสาขาต่างๆ
4.โครงงานประเภทการประยุกต์การใช้งาน สร้างผลงานเพื่อประยุกต์ใช้งานในชีวิตประจำวัน
5. โครงานพัฒนาเกม เพื่อความรู้ ความเพลิดเพลิน เช่น เกมหมากรุก